AI คืออะไร? เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ต้องเป็น "โปรแกรมเมอร์" ก็เข้าใจได้

AI คืออะไร? : ช่วงปีสองปีมานี้ หันไปทางไหนก็ได้ยินแต่คำว่า AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เต็มไปหมด บางคนอาจจะนึกภาพหุ่นยนต์เหล็กในหนัง Sci-Fi ที่จะมาครองโลก แต่เดี๋ยวก่อน... ในความเป็นจริง AI ในปี 2025 มันน่ารักและใกล้ตัวกว่านั้นเยอะครับ

AI

ภัทร

12/18/2025

a close up of a computer screen with a menu on it
a close up of a computer screen with a menu on it

วันนี้เรามาถอดรหัสกันแบบง่ายๆ ว่าเจ้า AI คืออะไร แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องที่ "ต้องรู้" ในยุคนี้

1. สรุปง่ายๆ AI คืออะไร?

ถ้าจะให้อธิบายแบบบ้านๆ AI ก็คือ "โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสอนให้คิดและเรียนรู้ได้เหมือนคน" ครับ

ลองนึกภาพคอมพิวเตอร์สมัยก่อน เราต้องสั่งมันทีละขั้นตอน 1-2-3 เป๊ะๆ ถ้าสั่งผิดนิดเดียวมันก็เออเรอร์ แต่ AI นั้นต่างออกไป มันเหมือนเด็กฝึกงานที่เราสอนงานมันด้วย "ข้อมูล" จำนวนมหาศาล จนมันเริ่มจับทางได้ว่า "อ๋อ... ต้องทำแบบนี้นะ" และสามารถคิดพลิกแพลงเองได้ในระดับหนึ่งโดยที่เราไม่ต้องป้อนคำสั่งทุกบรรทัด

2. มันเก่งขึ้นมาได้ยังไง?

หัวใจสำคัญของ AI มีอยู่คำเดียวคือ "ข้อมูล (Data)" ครับ

AI กินข้อมูลเป็นอาหาร ยิ่งกินเยอะ ยิ่งฉลาด ยกตัวอย่างเช่น:

  • อยากให้ AI แยกรูปแมวเป็น: นักพัฒนาจะป้อนรูปแมวให้มันดูเป็นล้านๆ รูป จนมันจำเอกลักษณ์ได้ว่า หูแหลมๆ มีหนวด ตาโต แบบนี้คือ "แมว" ต่อไปพอเราเอารูปแมวที่ไม่เคยเห็นมาก่อนให้ดู มันก็ตอบถูกทันที

  • อยากให้ AI เขียนบทความ: ก็ป้อนหนังสือ บทความ ข่าวสาร เข้าไปให้มันอ่านจนจำโครงสร้างภาษาได้ มันเลยคุยกับเราปรู๊ดปร๊าดแบบทุกวันนี้นั่นเอง

3. AI มีกี่แบบ? (ฉบับรวบรัด)

ในปัจจุบัน เราแบ่ง AI ออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ที่เห็นภาพชัดๆ ได้ดังนี้ครับ:

  • AI สายวิเคราะห์ (Analytical AI): พวกนี้เก่งเรื่องตัวเลขและการคาดเดา เช่น Netflix แนะนำหนังที่เราน่าจะชอบ, แอปฯ ธนาคารตรวจจับการโอนเงินที่ผิดปกติ, หรือ GPS ที่คำนวณเส้นทางหนีรถติด

  • AI สายสร้างสรรค์ (Generative AI): นี่คือดาวรุ่งพุ่งแรงในช่วง 2-3 ปีนี้! มันไม่ใช่แค่ "วิเคราะห์" แต่สามารถ "สร้างใหม่" ได้ เช่น ChatGPT ที่ช่วยเขียนอีเมล, Midjourney ที่วาดรูปสวยๆ, หรือ Suno ที่แต่งเพลงให้เราได้

4. แล้ว AI จะมาแย่งงานเราไหม?

นี่คือคำถามยอดฮิตตลอดกาลครับ... คำตอบคือ "ทั้งใช่และไม่ใช่"

AI เก่งมากในงานที่ "ซ้ำซาก จำเจ และน่าเบื่อ" เช่น การกรอกข้อมูล การรวบรวมเอกสาร หรือการคำนวณยากๆ แต่มันยังขาดสิ่งที่มนุษย์เรามี คือ "อารมณ์ความรู้สึก (Empathy)" และ "ความคิดสร้างสรรค์เชิงลึก (Deep Creativity)"

ดังนั้น ในปี 2025 นี้ AI จึงไม่ได้เข้ามาเพื่อเป็น "คู่แข่ง" แต่เข้ามาเป็น "คู่หู" (Co-pilot) ครับ คนที่ใช้ AI เป็น จะเหนื่อยน้อยลง แต่ได้ผลงานที่เร็วและดีขึ้น ส่วนคนที่ปฏิเสธมัน อาจจะรู้สึกว่าทำงานยากขึ้นในโลกที่ทุกอย่างหมุนไวขนาดนี้

การทำความรู้จัก AI ไม่ใช่เรื่องยากและน่ากลัวเลยใช่ไหมครับ? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ความอยากรู้อยากเห็น" แค่เราลองเปิดใจ เริ่มจากใช้ AI ง่ายๆ ในมือถือ หรือลองคุยกับ Chatbot เล่นๆ ดู คุณจะพบว่าเทคโนโลยีนี้พร้อมจะเป็นผู้ช่วยที่ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ

พร้อมหรือยังที่จะลองเล่นกับเพื่อนใหม่คนนี้? เริ่มวันนี้เลยครับ!

A piece of cardboard with a keyboard appearing through it
A piece of cardboard with a keyboard appearing through it